รัชสมัย ของ ซุนฮิว (ซุน ซิว)

ในฐานะพระจักรพรรดิ พระเจ้าซุนฮิวเป็นที่รู้จักในเรื่องความอดทนต่อความคิดเห็นที่แตกต่าง รวมถึงวิริยะอุตสาหะ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพระองค์ไม่ได้เป็นพระจักรพรรดิที่มีพระปรีชาสามารถยิ่งเป็นพิเศษ ทั้งด้านการทหารหรือเรื่องภายใน และพระองค์ทรงมอบหมายงานสำคัญส่วนใหญ่ให้กับเตียวเป๋ากับผู่หยังซิ่ง ซึ่งทั้งสองคนต่างไม่มีความสามารถเป็นพิเศษเช่นกัน ทั้งสองคนได้ฉ้อราษฎร์บังหลวงพอควร รัฐบาลจึงไม่ประสิทธิภาพหรือประสิทธิผลแต่อย่างใดเลย ตัวอย่างเช่น ใน พ.ศ. 802 ด้วยการสนับสนุนของผู่หยังซิ่ง โครงการที่มีค่าใช้จ่ายสูงได้เริ่มต้นขึ้นเพื่อสร้างทะเลสาบเทียมที่เป็นที่รู้จักในชื่อว่า ทะเลสาบผูหลี่ ใกล้กับซวนเฉิง มณฑลอานฮุยในปัจจุบันเพื่อการชลประทาน แม้ว่าข้าราชการหลายคนเชื่อว่าโครงการนี้มีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปและไม่มีการรับประกันถึงความสำเร็จแต่อย่างใด ในที่สุดโครงการได้ถูกยกเลิกไปเมื่อเห็นได้ชัดเจนว่าไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้

ในปีแรกของรัชสมัยของพระองค์ สิ่งเบิกทางของมหาวิทยาลัยจักรวรรดินานกิงได้ถูกก่อตั้งขึ้น โดยมีเว่ย จ้าวเป็นประธานคนแรก

ใน พ.ศ. 802 พระเจ้าซุนฮิวทรงเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับแผนกลอุบายที่จะกำจัดพระอนุชาของพระองค์อยู่ตลอดเวลาอย่างซุนเหลียง พระจักรพรรดิองค์ก่อนที่ถูกปลดออกจากราชบังลังก์ แผนการได้ถูกดำเนินโดยทรงได้รับรายงานเท็จทูลว่า ซุนเหลียงได้ใช้วิชาอาคมคุณไสย พระองค์จึงได้ลดสถานะจากอ๋องแห่งไคว่จีมาเป็นโฮ่วกวนโหวและส่งไปยังพื้นที่ดินศักดินาของตำแหน่งขุนนางระดับโหว (ฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยนในปัจจุบัน) ซุนเหลียงได้สิ้นพระชนม์ระหว่างเดินทางไปยังโฮ่วกวน ด้วยความเชื่อที่แพร่กระจายออกไปว่าทรงกระทำอัตวินิบาตกรรม แต่นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่าพระเจ้าซุนฮิวทรงวางยาพิษ

Xue Xu ข้าราชการของรัฐอู๋ซึ่งได้ไปเยือนรัฐฉู่ฮั่น(จ๊กก๊ก) ซึ่งเป็นพันธมิตรของรัฐอู๋ ใน พ.ศ. 803 ได้กล่าวอธิบายถึงสถานการณ์ของรัฐฉู่ฮั่นแก่พระเจ้าซุนฮิว เมื่อเขากลับมา ดังนี้:

พระจักรพรรดิที่ไร้ปรีชาสามารถและไม่รู้ถึงความผิดพลาดของพระองค์เอง เหล่าข้าราชบริพารต่างเพียงแค่พยายามปล่อยปะละเลยโดยไม่สร้างปัญหาให้กับตนเอง เมื่อข้าพเจ้าไปเยี่ยมเยือนพวกเขา ข้าพเจ้าไม่ได้ยินคำพูดที่เปิดเผยอย่างใจจริง และเมื่อข้าพเจ้าไปเยือนชนบท ผู้คนดูหิวโหย ข้าพเจ้าเคยได้ยินนิทานเรื่องนกนางแอ่นและนกกระจอกทำรังบนยอดคฤหาสน์และรู้สึกพอใจเพราะเชื่อว่าเป็นที่ปลอดภัยที่สุด โดยไม่รู้ว่ากองฟางและคานค้ำได้ถูกไฟไหม้และหายนะนั้นกำลังจะมาถึง นี่อาจจะเป็นสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ

นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่า Xue Xu ไม่ใช่แค่หมายถึงรัฐฉู่แต่ใช้สถานการณ์ของรัฐฉู่เป็นอุปมานิทัศน์เพื่อเตือนแก่พระเจ้าซุนฮิวว่า รัฐอู๋ที่อยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน พระเจ้าซุนฮิวทรงดูเหมือนจะไม่เข้าพระทัยว่า Xue Xu กล่าวถึงหมายความว่าอะไร

ใน พ.ศ. 804 พระเจ้าซุนฮิวทรงแต่งตั้งองค์หญิงจู พระชายาของพระองค์ให้เป็นพระจักรพรรดินี พระองค์ยังได้ทรงแต่งตั้งให้พระราชโอรสองค์โตของพระองค์นามว่า ซุนว่าน เป็นองค์รัชทายาท

ใน พ.ศ. 805 เนื่องจากการฉ้อราษฏร์บังหลวงของผู้ว่าราชการมณฑลนามว่า ซุน ซู (孫諝) ประชาราษฎร์ในเจียวจือ (交趾; ฮานอย, ประเทศเวียดนามในปัจจุบัน) จึงก่อการกบฎ และพวกเขาได้ถูกเข้าร่วมโดยประชาราษฎร์ในจังหวัดจิ่วเจิ้น(九真; ทัญฮว้า, ประเทศเวียดนามในปัจจุบัน) และไรนัน(日南, กว๋างจิ, ประเทศเวียดนามในปัจจุบัน) กลุ่มกบฏยังได้ขอความช่วยเหลือทางทหารจากรัฐคู่แข่งของรัฐอู๋อย่างรัฐเว่ย์(วุยก๊ก) (รัฐเว่ย์และรัฐที่สืบทอดต่อมาคือ ราชวงศ์จิ้น ได้ให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มกบฎ นอกจากนี้การก่อกบฎไม่ได้ถูกปราบปรามจนกระทั่ง พ.ศ. 813 เป็นเวลาหลายปีที่เข้าสู่รัชสมัยของพระเจ้าซุนโฮ พระจักรพรรดิที่สืบทอดต่อจากพระเจ้าซุนฮิว)

ใน พ.ศ. 805 เมื่อรัฐฉู่ที่เป็นพันธมิตรกับรัฐอู๋ได้ถูกโจมตีโดยรัฐเว่ย์ที่เป็นรัฐคู่แข่ง พวกเขาจึงขอความช่วยเหลือจากรัฐอู๋ พระเจ้าซุนฮิวได้ส่งกองทัพแยกออกเป็นสองทาง กองทัพหนึ่งเข้าโจมตีซิ่วซุน(อำเภอโจว มณฑลอานฮุยในปัจจุบัน) และอีกกองทัพหนึ่งเข้าโจมตีจังหวัดฮันต๋ง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของกองทัพเว่ย์และบีบบังคับให้พวกเขาถอนกำลังออกจากรัฐฉู่ อย่างไรก็ตาม กองทัพทั้งสองไม่เคยประสบความสำเร็จในเป้าหมายของพวกเขา พระเจ้าเล่าเสี้ยน พระจักรพรรดิแห่งรัฐฉู่ฮั่นได้ยอมสวามิภักดิ์ต่อรัฐเว่ย์ในปีต่อมาทำให้การดำรงอยู่ของรัฐฉู่ได้สิ้นสุดลง เมื่อพระเจ้าซุนฮิวทรงทราบว่า เหล่าบรรดาผู้ว่าราชการจังหวัดของอดีตรัฐฉู่ต่างกำลังสับสนว่าจะทำอย่างไรต่อไป ภายหลังจากการยอมสวามิภักดิ์ของพระเจ้าเล่าเสี้ยน พระองค์จึงส่งกองทัพเพื่อพิชิตพวกเขาให้มาอยู่ภายใต้รัฐอู๋ อย่างไรก็ตาม หลัวเซียน อดีตขุนพลแห่งรัฐฉู่ที่ประจำการอยู่ที่จังหวัดปาตง(巴東郡; บริเวณรอบเขื่อนซานเสียต้าป้าในปัจจุบัน) สามารถยืนหยัดต้านทานการรุกรานของรัฐอู๋และยอมสวามิภักดิ์ต่อรัฐเว่ย์ในที่สุด

ในช่วงฤดูร้อนของปี พ.ศ. 805 พระเจ้าซุนฮิวทรงพระประชวรและไม่สามารถพระราชดำรัสได้ แต่ยังสามารถทรงพระอักษรได้ ดังนั้นพระองค์จึงมีพระราชหัตถเลขาเรียกผู่หยังซิ่งให้มาเข้าเฝ้าที่พระราชวัง ซึ่งพระองค์ทรงมอบไว้วางพระราชหฤทัยในการค้ำจุนซุนว่านผู้เป็นรัชทายาทแก่ผู่หยังซิ่ง เมื่อพระเจ้าซุนฮิวทรงสวรรคตภายหลังจากนั้นได้ไม่นาน อย่างไรก็ตาม ผู่หยังซิ่งก็ไม่ได้ทำตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าซุนฮิวก่อนที่จะสวรรคต และแต่งตั้งให้ซุนว่านขึ้นเป็นพระจักรพรรดิองค์ใหม่ ภายหลังจากได้ปรึกษาหารือกับเตียวเป๋าแล้ว เขาได้ตัดสินใจที่จะแต่งตั้งพระจักรพรรดิที่แก่กว่าและดูเป็นผู้ใหญ่กว่าในการขึ้นครองราชบังลังก์ (ไม่อาจทราบได้ว่า ซุนว่านมีพระชนมายุเท่าไรในช่วงที่พระเจ้าซุนฮิวสวรรคต แต่เนื่องจากพระเจ้าซุนฮิวทรงมีพระชนมพรรษา 29 พรรษา เมื่อพระองค์ทรงสวรรคต จึงมีความเป็นไปได้ว่าซุนว่านยังทรงพระเยาว์ในตอนนั้น) ตามคำแนะนำของบั้นเฮ็ก ผู่หยังซิ่งและเตียวเป๋าได้อัญเชิญซุนโฮ พระราชโอรสของซุนโห (องค์รัชทายาทในรัชสมัยของพระเจ้าซุนกวน) ขึ้นครองราชบังลังก์

สุสานที่ตั้งอยู่ในอำเภอตังถู มณฑอานฮุย ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นของพระเจ้าซุนฮิวและฮูหยินจู